วันที่ 20 ธ.ค. 64 สำนักงานแรงงานจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมเป็นทีมสหวิชาชีพเพื่อคัดแยกผู้เสียหายที่อาจตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ณ สถานีตำรวจภูธรร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดฯ สำนักงานจัดหางานจังหวัดฯ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฯ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดฯ และอัยการจังหวัดฯ จากกรณีพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 45 คน (ชาย 29 คน , หญิง 16 คน) ในพื้นที่สวนปาล์มและสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 15 และ 16 ตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยไม่มีเอกสารเดินทางเข้าประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2565 เวลา 16.00 น.
จากการคัดแยกผู้เสียหายทราบว่า คนต่างด้าวสมัครใจเดินทางมาจากเมืองยะไข่ ประเทศเมียนมา เพื่อเดินทางผ่านประเทศไทย ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยไม่ทราบถึงลักษณะงานที่ทำและรายได้ที่จะได้รับ มีการชักชวนจากคนรู้จัก
ที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียและติดต่อเดินทางผ่านนายหน้าในประเทศเมียนมา โดยมีการตกลงจ่ายค่าเดินทางให้แก่นายหน้า จำนวน 2.6 – 3 ล้านจัตเมียนมา หรือ ประมาณ 48,000 – 55,000 บาทไทย โดยส่วนใหญ่ได้จ่ายเงินให้แก่นายหน้าแล้วประมาณ 50% ลักษณะการเดินทางมีการเดินทางด้วยตนเองจากภูมิลำเนามาพักที่บริเวณเมืองดะเวย ประเมศเมียนมา ซึ่งติดกับชายแดนประเทศไทยบริเวณจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ก่อนเดินทางข้ามฝั่งมายังประเทศไทยในเวลากลางคืนเพื่อขึ้นรถยนต์ตู้ จำนวน 2 คัน เมื่อเดินทางถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช กลับถูกให้ลงจากรถ บริเวณตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ ในวันที่ 2 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 14.00 น. และถูกเจ้าหน้าที่พบตัวในเวลาต่อมา โดยคนต่างด้าวทุกคนไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีการยึดอุปกรณ์สื่อสาร เอกสารประจำตัวหรือทรัพย์สินใดๆ ดังนั้น ทีมสหวิชาชีพจึงสรุปว่า ไม่เข้าข่ายการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน แต่มีความผิดฐานลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และจะถูกผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป ส่วนผู้นำพาอยู่ระหว่างการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด